อนุทินครั้งที่ 2

อนุทินครั้งที่2
วัน ศุกร์ ที่ 4 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2557
1.องค์ความรู้ที่ได้รับ
ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อดี และข้อจำกัดของ E-Commerce
ข้อดี
1  สามารถเปิดดำเนินการได้ 24 ชั่วโมง
2  ตัดปัญหาการต่อรองราคา หรือปัญหาเรื่องนายหน้า
3  ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
4  ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีโอกาสมากขึ้น
5  โอกาสทางธุรกิจเท่าเทียมกัน
6  การประชาสัมพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
1  ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
2  ความเสี่ยงในการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต
      3  ขาดความรู้ด้านกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
4  ขาดความรู้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต


รูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
การจำแนกรูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถจำแนกตามลักษณะของกิจกรรมที่ดำเนินงานระหว่าง
องค์การและบุคคลได้หลายประเภท จำแนกได้เป็น 5 ประเภทหลักดังนี้
1. ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business : B to B , B2B เป็นการทำธุรกรรมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มุ่งเน้นให้บริการกับลูกค้าที่เป็นองค์การธุรกิจด้วยกัน เช่นผู้ผลิต-ผู้ผลิต ผู้ผลิต-ผู้ส่งออก การทำธุรกิจลักษณะนี้เป็นการทำธุรกรรมจำนวนมาก มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูง รูปแบบการชำระเงินส่วนใหญ่จะผ่านธนาคาร

2. ธุรกิจกับลูกค้า (Business to Custom : B to C , B2C
เป็นธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ขายที่เป็นองค์การธุรกิจกับลูกค้าแต่ละคน อาจเป็นการค้าปลีกหรือเหมาโหล มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าจำนวนไม่สูง ระบบการชำระเงินส่วนใหญ่จะผ่านบัตรเครดิตสินค้าอาจเป็นแบบจับต้องได้ เช่นหนังสือ,ดอกไม้ หรือจับต้องไม่ได้ เข่น เพลง,ซอฟต์แวร์ตัวอย่าง B2C เช่น www.chulabook.com  www.pizza.co.th

3. ธุรกิจกับภาครัฐ (Business to Government : B to G , B2G
เป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจเอกชนกับภาครัฐ ได้แก่ การประมูลออนไลน์ (e-auxtion)การจัดซื้อจัดจ้าง (e-procument) เช่น www.moc.go.th หรือการจดทะเบียนการค้าและการนำสินค้าเข้าออกผ่านกรมศุลกากร www.customs.go.th

4. ลูกค้ากับลูกค้า (Customer to Customer : C to C , C2C เป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ซึ่งการแลกเปลี่ยนและซื้อขายสินค้านั้นอาจทำผ่านเว็บไซต์ เช่น การประมูลสินค้าซึ่งผู้ค้าแต่ละคนจะนำมาฝากขายไว้กับเว็บไซต์ที่ให้บริการเช่น www.ebay.com, www.pramool.com

5. ภาครัฐกับประชาชน (Government to Customer : G to C , G2C
กิจกรรมที่เกิดขึ้นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่เน้นการให้บริการกับ  ประชาชน     โดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาล เช่น การคำนวณและชำระภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th และงานบริการด้านจดทะเบียนของกระทรวงมหาดไทย
www.mahadthai.com

การสร้าง Blogger
Blog คืออะไร


Blog ทำหน้าที่เหมือนเป็นสมุดบันทึกส่วนตัวหรือเอกสารแนะนำตัว Blog สามารถที่จะติดต่อสื่อสารไปถึงแหล่งต่างๆทั่วโลกได้ ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่า Blog คือ เว็บ นั่นเอง
Blog ยังมีส่วนที่ใช้ในกำรแชร์ความคิดเห็นหรือสาระที่สำคัญที่เราได้เรียนรู้หรือสืบค้นมาได้ สามารถจัดทำเป็นสมุดพกส่วนตัว และสามารถลิงค์ไปที่เว็บตำงๆที่เราต้องการทั่วโลกได้ด้วย Blog เป็นเหมือนแหล่งความรู้ส่วนตัว เมื่อเราต้องการนำเสนอ
ขั้นตอนการสร้าง Blog
ขั้นตอนที่ 1 : สร้าง Blogger Account
ก่อนที่เรำจะทำกำรสร้ำง Blog ขึ้นมา เราต้องสร้าง Blogger Account ขึ้นมาก่อน เพื่อใช้สำหรับ

ล็อกออนเข้าแก้ไขหรือสร้ำงเนื้อหาภายใน Blog ของเรา โดยใช้อีเมล์ของ Google ได้ทันที ดังรูป




แต่ถ้ายังไม่มีอีเมล์ของ Google ก็สามารถสมัครได้จากเว็บของBloggerได้เช่นกันโดยกรอกข้อมูล ดังรูป

ขั้นตอนที่ 2 : ระบุชื่อ Blog
ขั้นตอนนี้ให้เราระบุชื่อ Blog ของเรา หรือใช้เป็นชื่อของเราก็ได้ พร้อมทั้งกำหนดชื่อ URL ของ Blog โดยชื่อ URL จะอยู่ภายใต้ http://__________. blogspot.com แล้วคลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ
ขั้นตอนที่ 3 : เลือกเทมเพลตให้ Blog
ขั้นตอนนี้เป็นการเลือกเทมเพลตให้ Blog ซึ่งประกอบด้วยสีพื้นหลัง รูปแบบการจัดวางหัวข้อและเนื้อหาภายใน Blog แบบสำเร็จรูป ซึ่งมีให้เลือกหลาย 10 แบบ ดังขั้นตอนต่อไปนี้
1. เลือกรูปแบบเทมเพลตในเบื้องต้นให้ Blog ของเรา
2. คลิกเมาส์
3. คลิกเมำส์เข้าสู่หน้าต่างโพสต์เนื้อหา
4. พิมพ์เนื้อหาต่างๆภายใน Blog





สร้างเนื้อหาบน Blog
หลังจากที่สร้าง Blog Account เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการสร้างเนื้อหาที่ต้องการบน Blog ซึ่งเราเรียกว่าการ โพสต์ (Post) ในขั้นพื้นฐานนี้ Blog จะประกอบไปด้วย ข้อความต่างๆ รูปภาพ และลิงค์
เริ่มต้นโพสต์เนื้อหาลงบน Blog
1. ระบุอีเมล์และรหัสผ่าน
2. คลิกปุ่ม ลงชื่อใช้งาน
3. คลิกที่ข้อควำม เริ่มเขียนบล็อก หรือที่สัญลักษณ์
4. ตั้งชื่อหัวข้อเนื้อหำ (โพสต์)
5. เครื่องมือปรับแต่งข้อควำม
6. พิมพ์ข้อควำมและองค์ประกอบอื่นๆ


ใส่ข้อความลงใน Blog
เนื้อหำหลักก็คือส่วนของข้อควำม ซึ่งสำมำรถพิมพ์ข้อควำมได้ทันที โดยมีเครื่องมือสำหรับปรับแต่งรูปแบบข้อควำมด้ำนบน เช่น แบบอักษร ขนำดตัวอักษร ลักษณะตัวอักษร สีตัวอักษร และกำรจัดวำงข้อควำม เป็นต้น
1. ตั้งชื่อหัวข้อของหน้ำเนื้อหำ
2. พิมพ์เนื้อหำที่ต้องกำร
3. เลือกและปรับแต่งข้อควำมจำกแถบเครื่องมือตำมที่ต้องกำร
4. จะได้ข้อมูลที่ปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว


2.การนำไปประยุกต์ใช้
นำไปประยุกต์ใช้ทำเว็บไซต์ของเราเองและสามารถนำเอาความรู้ต่างๆที่ได้ทั้งทางด้านประสบการณ์และความสามารถเฉพาะทางและนำมาใส่ไว้ให้เป็นองค์ความรู้แก่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชม 

3.สรุป
นำไปประยุกต์ใช้ทำเว็บไซต์ของเราเองและสามารถนำเอาความรู้ต่างๆที่ได้ทั้งทางด้านประสบการณ์และความสามารถเฉพาะทางและนำมาใส่ไว้ให้เป็นองค์ความรู้แก่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชม สามารถเข้ามาสืบค้นหาข้อมูลสำคัญๆที่เราได้สร้างไว้ เพื่อนำไปศึกษา และ ใช้งานทั้งในอนาคตและปัจจุบัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น